Friday, August 14, 2015

สุดยอดคดีสะเทือนขวัญ กินเนื้อมนุษย์




อิสเซซากาวะ (ระหว่างหาข้อมูลบางที่ก็เรียกว่า อิซซากะ ซากาวะ Issei Sagawa) เกิดเมื่อ๑๑ กรกฎาคม ๑๙๔๙ บิดาของเขาเป็นทหารที่เคยถูกกักตัวอยู่ที่รัสเซีย และต่อมาได้ประสบผลสำเร็จเป็นประธานการบริษัทอุตสาหกรรมเครื่องดื่มคูติระในกรุงโตเกียวและขยายสาขาไปทั่วโลก(รวมทั้งประเทศไทย)
ตอนที่ซาคาว่าเกิดมานั้นแม่ของเขาคลอดก่อนกำหนดจนเกือบจะแท้ง
และซากาวะก็ตัวเล็กมากจนมีขนาดเพียงฝ่ามือข้างเดียวของพ่อ
เมื่อโตขึ้นซากาวะมีรูปร่างเตี้ยมากสูงไม่เกิน๕ ฟุต มือเท้ามีขนาดเล็ก
เสียงพูดก็แหลมเหมือนผู้หญิงและมีท่าทางกระตุ้งกระติ้งออกไปทางผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย มีแนวโน้มเป็นพวกลักเพศแต่ถึงเขาเป็นอย่างนี้พ่อของเขาก็รักลูกสุดๆ เพราะเขาคือหนึ่งเดียวที่จะสานต่อกิจการของครอบครัว
เขาเป็นเด็กที่ฉลาดมากแต่ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอผอม และค่อนข้างกังวลเรื่องส่วนสูงของตนเองแต่เขาชอบวรรณกรรม จนสามารถไปเรียนต่อวิชาวรรณคดีอังกฤษที่มหาวิทยาลัยวาโกอย่างสบาย




1335171881

เมื่อเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยวาโก เขาเริ่มสนใจ TEMPEST ของเชคเปียร์ส เขาเลือกหัวข้อนี้มาเป็นวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโท
ไม่รู้ว่า มีความรู้สึกอยากกินคนตั้งแต่เมื่อไหร่
จากการสันนิษฐานเขาอาจเริ่มรู้สึกอยากกินคนตอนที่เขาเรียนอยู่วาโก
ที่นั้นเขาได้ตกหลุมรักครูสาวเยอรมันคนหนึ่งอย่างหักปักหัวปำแต่ไม่ได้รักแบบชู้สาว แต่เป็น…………..
“เวลาที่ผมพบผู้หญิงคนนี้ ผมชั่งใจไม่ถูกว่าจะกินเธอดีไหม”
วันหนึ่งในฤดูร้อนอิสเซลอบปีนไปหน้าต่างที่ครูสาวพักอยู่ ตอนนั้นเธอกำลังหลับสนิทนอนเปลือยกายอิสเซมาเห็นก็เกิดอารมณ์ขึ้น
แต่เวลานั้นเขาไม่ได้พกอาวุธติดตัวมาด้วยจึงใช้ร่มกันฝนแทนมีด
แต่ครูสาวตื่นมาเห็นก่อนจึงร้องโวยวายให้คนมาช่วยทำให้อิสเซเผ่นหนีสุดชีวิต
อิสเซเมื่อพลาดครั้งแรกเขารู้สึกอาการผิดปกติของเขาจึงได้ทำเรื่องความรู้สึกอยากกินมนุษย์ไปหาจิตแพทย์จิตแพทย์ตกใจเมื่อรู้ว่าอิสเซไม่ได้แค่มีความคิดแต่ได้ลงมือแล้วแต่ทำไม่สำเร็จ และมีสิทธิสูงที่จะก่อการแบบนี้ต่อไปในวันข้างหน้าอีกครั้ง
จิตแพทย์ได้ทำการพูดคุยกับอิสเซยืนยันว่าเขาเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่งถ้าไม่แก้ไข แต่ถึงกระนั้นจิตแพทย์ก็เก็บเป็นความลับนี้ไว้เนื่องจากไม่มีผลสรุปอย่างเป็นทางการ
เมื่อพ่ออิสเซรู้ข่าวจึงแก้ปัญญานี้โดยการให้อิสเซไปเรียนที่อื่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ อิซเซเลือกที่จะไปเรียนที่ปารีสเพราะที่นั้นเป็นแหล่งรวมเหยื่อผู้หญิงที่มีลักษณะตรงสเป็กเขาพอดี
เรนีฮาร์เทเวลท์
1335172084



ระหว่างที่อิสเซทำการศึกษาที่”สถาบัน เซนซิแยร์” ในมหานครกรุงปารีส ในปี ค.ศ. ๑๙๘๑ อิสเซได้ตกหลุมรักนักศึกษาชาวยุโรปคนหนึ่งชื่อเรนีฮาร์เทเวลท์ ที่นั่งถัดไปในห้องเรียน
เรนีเป็นสาวสวยชาวยุโรปเหนืออายุ๒๕ ปี ผมสีบบลอนด์ พูดได้ถึง ๓ ภาษา เธอตั้งเป้าหมายว่าจะเรียนให้จบปริญญาเอกด้านวรรณคดีฝรั่งเศสเพื่อประกอบอาชีพในอนาคต
อิสเซหลงรักเธอจนหักห้ามใจไม่ได้ทุกครั้งที่เห็นแขนขาวเนียนของเธอ เรนีเป็นผู้หญิงในฝันของเขาเขาต้องหาทางให้ถึงตัวเธอให้จงได้
ระยะแรกอิสเซปูทางด้วยการขอให้เรนีสอนภาษาเยอรมันให้เขา โดยเสนอค่าจ้างในราคาสูงๆเรนียอมรับข้อเสนอนี้
อิสเซเริ่มแผนการด้วยการเขียนจดหมายสารภาพรักกับเธอ นัดเธอไปดูคอนเสิร์ตและนิทรรศการศิลปะต่างๆแม้ว่าอิสเซจะตัวเล็กและเดินกระตุ้งกระติ้ง แบบผู้หญิงแต่เรนีก็ไม่ได้รังเกียจที่จะไปไหนมาไหนด้วยกันจนบางครั้งเรนีก็ชวนอิสเซ ไปกินน้ำชาบ้านของตัวเองบางครั้งก็เต้นรำด้วยกัน
แต่บางครั้งอิสเซก็มักแสดงพฤติกรรมวิปริตให้เรนีเห็นบ่อยๆเช่น ครั้งหนึ่งอิสเซเชิญเรนีมาที่อพาร์ทเมนต์เพื่อรับประทานอาหารค่ำอิสเซให้เรนีอ่านกวีคลาสสิกของเยอรมัน เธอทำตามที่อิสเซต้องการพอเรนีออกไปแล้วกลับก็พบอิสเซแสดงอารมณ์วิปริตออกมา
เขาสูดดมกลิ่นที่เก้าอี้ที่เรนินั่งใช้ลิ้นเลียที่ผ้าบุเก้าอี้ พร้อมสบถว่าแม่คุณเอ๋ยฉันจะกินเธอให้อิ่มแปล้ให้จงได้
เรนีเห็นพฤติกรรมของอิสเซดูแล้วน่าขยะแขยงอย่างยิ่ง
ชิ้นส่วนในตู้เย็น
1335172180
ดึกสงัดของคืนวันที่๑๒ มิถุนายน ๑๙๘๑ ใจกลางกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
แถวๆบริเวณที่ทิ้งขยะของริมฝั่งแม่น้ำแซนซึ่งไม่ห่างจากโบสถ์ นอเตรอะดามมี มากนัก และที่นี่ เป็นจุดรวมของคนเร่ร่อนที่ชาวฝรั่งเศษ
ทันใดนั้นมีเสียงรถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นผ่านมา ประตูรถแท็กซี่เปิดอ้าออกมามีหนุ่มเอเซียผู้หนึ่งกำลังยกกระเป๋าเดินทางใบมหึมาออกจากรถอย่างทุลักทุเล เมื่อหนุ่มเอเชียนั้นเห็นพวกโกซาก็ตกใจเขาทิ้งกระเป๋านั้นไว้ และขึ้นรถแท็กซี่ออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นมีสองสามีภรรยาคนหนึ่งเดินมาเห็นเหตุการณ์พอดีจึงเดินมาดูกระเป๋าใบใหญ่นั้นเมื่อฝากระเป๋าถูกเปิดออกทันทีและทันใดนั้น………………….. มือมนุษย์ข้างหนึ่งยืดออกจากซิปกระเป๋ามีคราบเลือดติดกรังภายในเป็นศพชิ้นส่วนมนุษย์
ที่ถูกตัดเป็นท่อนๆยัดใส่ลงภายในอย่างประณีต แต่ส่งกลิ่นคาวคลุ้ง
ออกมาจนน่าสะอิดสะเอียนสองสามีภรรยาและพวกโกซาร้องอุทานลั่น ก่อนที่จะตั้งสติได้และวิ่งแจ้นไปแจ้งความกับตำรวจทันที
ตำรวจได้สอบถามบริษัทแท็กซี่หลายๆแห่ง แล้วก็ได้เบาะแสว่าในคืนนั้น มีชายชาวเอเซียว่าจ้างให้รถแท็กซี่ให้ช่วยขนของจากอพาร์ทเม้นต์ไปทิ้งที่กองขยะริมแม่น้ำแซน
สี่วันต่อมาหลังจากการพบชิ้นส่วนมนุษย์ตำรวจถือหมายค้นเข้าห้องพักของนักศึกษาชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง ชื่อว่า”อิสเซซากาวะ”
1335172265
เมื่อเปิดประตูชายเตี้ยร่างผอมออกมาต้อนรับและให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี ทเขาได้ให้รายละเอียดว่าเขาชื่อ อิสเซ ซากาวะ อายุ ๓๒ ปีเป็นลูกชายของเศรษฐีโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเขาก็ทำตนเหมือนไม่มีความผิดอะไร ซากาวะเชิญชวนตำรวจให้เข้ามาในห้อง
จัดแจงเสิร์ฟน้ำชาและคาดว่าน่าจะชวนให้รับประทานอาหารมื้อเย็นด้วยกัน  แต่ด้วยการต้อนรับที่อบอุ่นห้องของเขาที่สะอาดสะอ้าน แต่ทว่า………
ยังมีอะไรบางอย่างที่มีกลิ่นอายแห่งความกลัวและขนพองสยองเกล้า
ที่ตรงนั้น…โต๊ะอาหารตำรวจต่างพากันพะอืดพะอมกับก้อนเนื้อเป็นกองๆและเครื่องในที่ล้างๆออกมาไว้ในชาม กะละมังตั้งเรียงเป็นแถวเป็นแนวแล้วยังมีหม้อพะโล้ หม้อต้มเค็มวางไว้ข้างๆ
ถ้ามองเข้าไปในครัวก็จะมองเห็นสตูซึ่งกำลังเดือดปุดๆอยู่บนเตา
สิ่งเหล่านี้ทำให้ตำรวจที่เข้ามารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างไรไม่รู้แต่ใจพวกเขาคิดว่า
ซากาวะดูท่าทางอบอุ่นไม่น่าจะวิปริตขนาดนั้นหรอกมั้ง…………
แต่ว่า……..ลางสังหรณ์ก็บังเกิดขึ้นจริงๆเมื่อตำรวจเอื้อมมือเขาไปเปิดตู้เย็น
ไอเย็นๆของน้ำแข็งระเหยออกมาม้วนตัวออกมาเป็นวงรี ปรากฏศีรษะของผู้หญิงคนหนึ่งวางเด่นเป็นสง่าอยู่กลางแสงไฟจ้า
ศีรษะที่ถูกตัดแค่คอมีผมยาวสีน้ำตาลทองใบหน้าที่เคยดูสวย แต่บัดนี้กลับดูสยอง
ตาข้างหนึ่งหรี่เกือบปิดสนิทอีกข้างหนึ่งลืมตาครึ่งๆ จมูกแหว่ง เปรอะเลือด
และปากถูเฉือนออกมาทำให้เห็นแผงฟันขาวเวอร์เผยอ้าคล้ายกำลังส่งยิ้มออกมาให้กับผู้ที่จ้องมองเธอ



photo 2 4 10
photo 2 4 10

photo 2 4 12
   photo 2 4 12“แล้วส่วนที่เหลือมันอยู่ไหน?”ตำรวจผู้ซึ่งถือหมายค้นถามด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน ขณะที่ตำรวจอีกหนึ่งคนเหงื่อไหลออกมาเป็นจุดๆ
“ผมทานมันไปแล้วครับ” ซากาวะตอบอย่างยิ้มแย้ม ซื่อๆ ง่ายๆเมื่อถามถึงเต้านมข้างขวา
“ปรุงสุกๆ อย่างนั้นหรือ!”ตำรวจนายนั้นถามซ้ำอีกเหมือนว่าเขาไม่อยากจะเชื่อในการกระทำของซากาวะ
และเหลือเชื่อว่าคนเราจะมีวิธีการทำครัวและเครื่องปรุงวัตถุดิบที่สุดจะวิปริตได้ถึงเพียงนี้
ดิบๆครับ ผมจะลองทำดูแบบซาซิมิดู!!!”ซากาวะตอบแล้วหัวเราะ
แล่บางๆ ให้เฉียบ แล้วกินดิบๆ หวานหอมอร่อยยิ่งกว่าปลาแซลมอนซะอีกนะครับ
ซากาวะชี้ชวนให้ตำรวจทั้งหลายดู ซุปต้มเค็ม พะโล้เนื้อสตู และต้มเครื่องในที่เก็บไว้กินกับข้าวสวยๆ ร้อนๆ
“แหมๆ……….ผมไม่อยากเชื่อเลยนะนี่ผู้หญิงตัวแค่นี้จะนำมาปรุงอาหารได้เยอะขนาดนี้ แถมอร่อยซะด้วยดูสิ ผมเก็บไว้กินได้หลายๆ อาทิตย์แน่ะ”
ตำรวจและคอข่าวอาชญากรรมแทบทุกคนต่างพากันโก่งคออาเจียนกันหมด กว่าจะทำใจสืบสวนกันต่อไปได้
ย้อนกลับไปวันที่๑๑ มิถุนายน ๑๙๘๑ นั่นคือวาระสุดท้ายของเธอ
อิสเซตัดสินใจฆ่าเรนีเพราะอยากกินเธอจึงได้ชวนเรนีมาวันเกิดครบรอบ ๓๒ ของเขา ที่โต๊ะโทคัทซึ นั่งสไตล์ญี่ปุ่น ซากาวะแอบปลื้มอยู่เงียบๆ เพราะในใจเขาอยากกินเรนีใจจะขาดแล้ว
เมื่อเรนีมาถึงอิสเซได้ต้อนรับเธอด้วยธรรมเนียมญี่ปุ่นด้วยการให้เรนีนั่งคุกเข่ากับพื้นชงชาให้ดื่มผสมเหล้าลงไปด้วยจากนั้นเขาได้สารภาพรักกับเรนีทันที ขณะที่เรนีกำลังตั้งใจสอนเขา
เรนีดูท่าทางจะตกใจมากเนื่องจากรับสถานการณ์ไม่ทัน หล่อนจึงตอบกลบเกลื่อนไปว่าเธอคบอิสเซแค่เป็นเพื่อนเท่านั้นไม่ใช่แบบชู้สาว
อิสเซเงียบไปพักหนึ่งแล้วผงะจากเรนีเดินไปหยิบกวีนิพนธ์มาส่งให้เธอแล้วเอื้อมมือไป กดปุ่มบันทึกเสียงในขณะที่เรนีอ่านกวีนิพนธ์อิสเซฟังเรนีอ่านกวีนิพนธ์พอใจแล้วจากนั้น
ก็เดินไปข้างหลังหยิบปืนเดินกลับมาจากนั้นก็จ่อยิงกลางหลังเรนีหนึ่งนัด เรนีสะดุ้งเฮือกหล่นลงจากเก้าอี้ลงกองอยู่บนพื้นเธอตายทันทีอิสเซพูดพล่านกับเรนีเหมือนคนบ้าต่อหน้าศพของเรนี
1335172573
ในตอนหนึ่งในหนังสือ”ในหมอก” อิสเซได้บรรยายตอนนี้อย่างกวีนิพนธ์ไว้ว่า
“ข้าพเจ้าเอามือจับเอวเธอแล้วคิดว่าจะกินส่วนไหนก่อนเป็นอันดับแรกเอาล่ะแก้มก้นขวานี้แหละ ข้าพเจ้าอ้าปากกัดลงไปเต็มที่แต่มันเหนียวมากจนฟันกัดไม่เข้า”
1335172621
จากนั้นเขาก็เล่าไปฉากๆถึงเรื่องไขมันและกล้ามเนื้อ
“ข้าพเจ้าใช้มีดจ้วงแทงลงไปร่างของเรนีไขมันก็ผลุดออกจากบาดแผลที่ฉีกกว้างสีมันเหลืองเหมือนสีเมล็ดข้าวโพดไม่ผิดข้าพเจ้าดึงออกมาดม ปรากฏว่ามันไม่มีกลิ่นคาวและเหม็นเขียวสักนิดข้าพเจ้าจึงแล่ลึกเข้าไปจนถึงเนื้อแดง ตัดเป็นชิ้นพอๆ คำใส่ปากเคี้ยวดิบๆมันละลายในปากรสชาติคล้ายทูน่าทำซาซิมิในภัตตาคารไม่มีผิด”
อิสเซง่วนอยู่กับการชำแหละศพของเรนีด้วยมีดปอกสายไฟอันคมกริบมาชำแหละเป็นชิ้นๆ ส่วนหนึ่งเก็บสำรองไว้กินส่วนหนึ่งก็ใส่ปากเคี้ยวดิบๆ โดยอาหารจานแรกที่อิสเซทำคือ
“เนื้อคนผัดมัสตาร์ค”เขาถ่ายรูปศพที่อันเป็นเศษเนื้อเธอไว้เป็นที่ระลึกก่อนที่จะเปลือกเสื้อผ้า
ร่วมรักกับศพอย่างหื่นกระหายเขาบรรยายฉากนี้อย่างละเอียดลออไว้ว่า
“ระหว่างที่ข้าพเจ้าร่วมรักกับศพของเธอมันเหมือนกับว่าเธอหอบหายใจออกมา
ข้าพเจ้าเร่งจังหวะแล้วบอกกับเธอว่าผมรักเธอที่สุดในโลก โอ้….ว”
998763_595400490504329_1706704902_n
เนื้อที่ชำแหละไว้อิสเซได้เก็บไว้เพื่อทำอาหารกินไปพลางฟังเสียงบทกวีที่เรนิอ่านในเทปบันทึกไปพลางเมื่ออิ่มก็ใช้กางเกงในของเธอซับปากแทนผ้าเช็ดหน้า จากนั้นเดินกลับไปที่ศพเรนีตัดเต้านมสองข้างไปอบในเตาอบ พอสุกก็เอามากินแช
แต่ปรากฏว่าเขาไม่ชอบเพราะมันเหนียวยืดยาดซึ่งเขาชอบเนื้อต้นขาของเรนีมากกว่า
เมื่ออิสเซชำแหละศพจนเหนื่อยหลังจากนั้นเขาก็ลากศพที่ยับเยินไปนอนกอดบนเตียงจนม่อยหลับ
โดยเขาตั้งใจว่าจะทำลายหลักฐานในวันรุ่งขึ้นให้หมด
พอวันรุ่งเช้าเมื่อเขาตื่นนอนก็แทะเนื้อจากท้องแขนไปถึงข้อศอกช่วงนี้อิสเซเขียนไว้ว่า
ไม่รู้น่ะ ว่าทำไมแต่บอกได้คำเดียวว่า อร่อยชะมัด”
อิสเซยังไม่หายหิวเขาเชือดโน่นเชือดนี้กับอวัยวะส่วนต่างๆ
ที่เหลืออยู่แม้แต่ทวารหนักเขาก็คว้านออกมาแล้วยัดใส่ปากเคี้ยวแต่กลิ่นมาสุดทนจนเขาต้องคายออกมาชิ้นส่วนจากทวารหนักที่เหลือเขาต้องนำไปทอดแต่ก็รับไม่ได้ เพราะมันเหม็นสุดๆเขาจำเป็นต้องเททิ้งถังขยะแล้วแล่ส่วนอื่นๆ ไปกินต่อไป
เวลาผ่านไปแมลงวันฝูงใหญ่เริ่มแห่กันมาตอมซากศพอันแหลกเหลว
อิสเซเริ่มได้สติว่าศพของเรนีเริ่มส่งกลิ่นเวลาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์หมดลงแล้ว อิสเซต้องทำลายหลักฐาน
อิสเซเริ่มจากใช้ขวานสับร่างของเรนีเป็นท่อนๆเพื่อจะยัดลงในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆ เอาไปทิ้งเพื่อเอาหลักฐานไปทำลายเขาสับไปก็เกิดอารมณ์เปลี่ยว จึงใช้มือของเรนิมาสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองเป็นทาง
“ข้าพเจ้าอยากกินลิ้นเธอแต่งัดขากรรไกรล่างออกมาไม่ได้แต่ข้าพเจ้าก็เอามือ ล้วงผ่านช่องว่างระหว่างฟันเข้าไปจนได้ที่สุดก็ควักปลายลิ้นออกมา ข้าพเจ้าใช้ใบมีดเฉือนปลายลิ้นของเธอออกแล้วโยนใส่ปากเคี้ยวหน้ากระจกเงา”
จากนั้นก็ล้วงเข้าไปคลำอวัยวะภายในซึ่งทำให้เขาปวดแสบปวดร้อนเมื่อไปสัมผัสกับกรดในกระเพาะอาหารเข้าแต่สุดท้ายก็เอาขวานตัดศีรษะของเรนีออกจากร่าง อิสเซขยุ้มเส้นผมของเรนีไว้หิ้วหัวของเธอไว้ตรงหน้าอิสเซแล้วบรรยายความรู้สึกตรงนี้ไว้ว่า
ตอนนี้แหละที่ได้ประจักษ์ว่าตนเองคือมนุษย์กินคนที่แท้จริง”
ตำรวจได้ทำการบุกที่ห้องพักของอิสเซหลังจกพบศพเรนีพร้อมหมายค้น ตำรวจทำการตรวจดูเย็นถึงกับผงะเมื่อพบชิ้นส่วนมนุษย์อาทิ ริมฝีปาก เนื้อหนังที่ถูกแล่อย่างสยดสยอง เลือดละเลงเต็มตู้เย็น
อิสเซสารภาพและเผยรายละเอียดการทำการฆาตกรรมเรนีทุกขั้นตอน
ดังที่ปรากฏก่อนหน้านี้และเขายังสารภาพกับตำรวจด้วยว่าเขามีอาการป่วยทางจิตแต่ไม่ได้ทำการรักษาจริงๆจังๆ ก่อนหน้าที่จะมาเรียนที่ฝรั่งเศส
ตำรวจได้นำสำนวนและคำรับสารภาพของอิสเซส่งไปให้อัยการและผู้พิพากษา อัยการเคยถามอิสเซว่ากินเนื้อของเหยื่อด้วยเหตุใดมันอร่อยหรือ? คำตอบของซากาวะคือ
“มันไม่เห็นจะอร่อยตรงไหน ผมฆ่าเธอเพราะอยากกินเธอดูเท่านั้น”
ผู้พิพากษาอ่านสำนวนจนไตร่ตรองแล้วก็คำสั่งไม่เปิดศาลพิจารณาคดี
เพราะพฤติกรรมของอิสเซชัดเจนแล้วว่าเป็นคนบ้าแต่ให้นำตัวไปบำบัดในโรงพยาบาลโรงจิต
โดยให้จิตแพทย์สามคนทำการตรวจสอบอิสเซเพื่อแน่ใจจนมีความคิดเห็นตรงกันว่า “รักษาไม่หาย”
อิสเซซากาวะจึงถูกนำตัวไปรักษาในโรงพยาบาลโรคจิต พอล กีโรด์
ส่วนอากิระซากาวะ บิดาของอิสเซ ได้วิ่งเต้นขอให้นำตัวอิสเซารักษาตัวที่โรงพยาบาลโรคจิตมัคสึซาวะแทนที่จะเป็นพอลกีโรด์ และในขณะเดียวกันด้านผอ.โรงพยาบาลพอลกีโรด์ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาล และเชื่อว่าอิสเซไม่บ้า อิสเซได้รับการปล่อยตัวในเดือนสิงหาคมปีค.ศ. ๑๙๘๕ หลังใช้ชีวิตในโรงพยาบาลนั้นเพียงแค่ ๑๕ เดือน
แต่ถึงอย่างไรอิสเซต้องอยู่ในการดูแลของจิตแพทย์อย่างใกล้ชิด จนสามารถออกไปใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นอีกครั้งในอีก๕ ปีต่อมา ทั้งยังสามารถทำพาสปอร์ตไปยังประเทศเยอรมันอีกด้วย
ทุกวันนี้อิสเซวากาวะ มีความสุขกับการใช้ชีวิต แทนที่จะประฌานกับยกย่องและตั้งฉายาให้เขาว่า “บิดาแห่งการกินคน” รู้สึกอิสเซจะพอใจฉายานี้มากถึงกับหลุดปากว่า”ยอดว่ะ”
ที่มา bloggang

Bagikan

Jangan lewatkan

สุดยอดคดีสะเทือนขวัญ กินเนื้อมนุษย์
4/ 5
Oleh

Subscribe via email

Suka dengan artikel di atas? Tambahkan email Anda untuk berlangganan.