เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นางเตือนใจ นุชดำรงค์ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า นำคณะกรรมการตรวจสอบงาช้างของกลาง ประกอบด้วยตัวแทนกรมอุทยานฯ กรมศุลกากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ตรวจสอบความถูกต้องงาช้างของกลาง ที่ดำเนินคดีสิ้นสุดและตกเป็นของแผ่นดินแล้ว 2,155 กิโลกรัม มีทั้งงาช้างท่อนส่วนใหญ่เป็นงาช้างแอฟริกาอยู่ในสภาพสวยงาม สมบูรณ์ และมีความยาวตั้งแต่ 1-3 เมตร ลักษณะเป็นท่อนกว่า 200 ท่อน และผลิตภัณฑ์งาช้าง ที่ดำเนินคดีมาตั้งแต่ปี 2535 เพื่อนำไปบดและเผาทำลายเป็นครั้งของประเทศไทยในวันที่ 26 ส.ค.
นอกจากนี้ ยังตรวจสอบงาช้างอีก 540.67 กก. เพื่อส่งมอบให้หน่อยงานราชการ สถาบันการศึกษา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษา ทางวิทยาศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม มีการนำตู้คอนเทนเนอร์ 2 ตู้ ซึ่งตู้หนึ่งเป็นของกรมอุทยานฯ ส่วนอีกตู้เป็นของกรมศุลกากร โดยจะนำงาช้างที่ผ่านการตรวจสอบแล้วเข้าไปเก็บรักษา ก่อนเข้าสู่กระบวนการบดและเผาทำลาย โดยจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 8 คน ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
นางเตือนใจ กล่าวว่า ในวันที่ 26 ส.ค. นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในการบดทำลายงาช้าง 2,155 กก. มูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท ที่บริเวณลานหน้าเสาธง กรมอุทยานฯ โดยขั้นตอนของการบดทำลายงาช้าง คณะทำงานตรวจสอบงาช้างของกลาง จะเปิดตู้คอนเทนเนอร์ออก จากนั้นจะลำเลียงของกลางไปยังลานพิธี และนิมนต์พระสงฆ์มาสวดส่งวิญญาณ เนื่องจากคนไทยมีความเชื่อว่างาช้างเป็นของสูง และจะมีพิธีพราหมณ์เพื่อบอกกล่าวเทวดาฟ้าดิน เมื่อเสร็จพิธีทางศาสนาจะมีการบดทำลาย โดยใช้เครื่องบดย่อยหิน ซึ่งสามารถบดย่อยได้ขนาดเล็กสุด 7-10 มิลลิเมตร คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจะบดงาช้างทั้งหมดแล้วเสร็จ
ต่อมาจะนำงาช้างที่ผ่านการบดแล้วบรรจุลงถังขนาด 200 ลิตร หรือถุงบิ๊กแบ๊ก ก่อนลำเลียงผงงาช้างขึ้นรถบรรทุกที่มีระบบรักษาความปลอดภัย โดยมีระบบติดตามการเคลื่อนที่ผ่านดาวเทียม (จีพีเอส) ได้ จากนั้นจะนำไปเผาที่บริษัทอัคคีปราการ ซึ่งเป็นโรงงานกำจัดกากสารเคมีและวัตถุอันตรายจากอุตสาหกรรม ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ โดยใช้ความร้อนสูงประมาณ 1,100 องศาเซลเซียส ซึ่งตลอดเส้นทางจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอารักขาจนกว่าจะเดินทางไปถึงโรงงาน ในระหว่างการเผาจะมีรมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ นายจอห์น อี สแกนนอน เลขาธิการคณะกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) และสื่อมวลชนกว่า 100 คนมาร่วมเป็นสักขีพยานด้วย ทั้งนี้ กากที่เหลือจากการเผาจะถูกปะปนกับขยะอุตสาหกรรมอื่นจนไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อีกก่อนนำไปฝังกลบต่อไป
นางเตือนใจ กล่าวอีกว่า สำหรับงาช้างจำนวน 540.67 กก. จะมอบให้กับคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาลัยมหิดล กองบิน 4 ตาคลี กองทัพอากาศ จ.นครสวรรค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรมศุลกากร และองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) นอกจากนี้ ยังมีส่วนที่เตรียมการเผาหลังจากการดำเนินคดีเสร็จสิ้นจำนวน 1.5 หมื่นกก. หรือ 15 ตัน
การเผางาช้างครั้งนี้เป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศไทย ในการต่อต้านและแก้ไขปัญหาการค้างาช้างที่ผิดกฎหมาย เพื่อให้ประเทศภาคีสมาชิกไซเตส 180 ประเทศรับทราบว่าประเทศไทยมีความจริงจัง จริงใจ มุ่งมั่นในการอนุรักษ์และต่อต้านการลักลอบล่าและค้างาช้างอย่างผิดกฎหมาย จากนั้นไทยจะทำรายงานผลการดำเนินการทั้งหมด ตั้งแต่การบังคับใช้กฎหมาย การขึ้นทะเบียนงาช้าง การเผาทำลาย เป็นต้น ส่งไปยังสำนักงานเลขาฯ ไซเตส ในวันที่ 15 ก.ย. เชื่อว่าประเทศไทยจะไม่ถูกคว่ำบาตรทางการค้าพืช และสัตว์ตามกฎหมายไซเตสอย่างแน่นอน
Bagikan
สดสด!! เตรียมเผางาช้างท่อนของกลางกว่า 2 ตันค่า 100 ล้าน 26 ส.ค.นี้
4/
5
Oleh
Aohyi Gamer